ละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำลายคุณค่าความเป็นมนุษย์
ส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
ส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
การค้ามนุษย์เป็นปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่สำคัญในระดับสากล
เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และวิถีชีวิตของผู้คนและสังคมในหลายระดับ
เกิดขึ้นและมีความเกี่ยวพันกับหลายประเทศทั่วภูมิภาคของโลก
มีผู้คนนับแสนนับล้านคนโดยเฉพาะเด็กและสตรี
ต้องถูกแสวงหาประโยชน์และถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนมากมาย
สูญเสียและได้รับความเสียหายทั้งร่างกายและจิตใจ โอกาสและอนาคต
ความปลอดภัยและความมั่นคงของมนุษย์
รวมถึงเกิดความสูญเสียและเสียหายต่อบุคคลรอบข้าง ชุมชน และสังคม
ซึ่งอาจไม่สามารถประเมินมูลค่าได้เป็นตัวเงิน
โดยการค้ามนุษย์นั้นโดยมากปรากฎให้เห็นในรูปแบบที่ผ่านนายหน้าหรือเอเย่นต์
และผ่านการบริการทางอินเตอร์เน็ต เพื่อการค้าประเวณีและเพื่อการค้าแรงงาน
ปัจจุบันพัฒนาการด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี เกื้อหนุนให้เกิดการอพยพย้ายถิ่นเพื่อ แสวงหาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยประเทศไทย เป็นทั้งต้นทาง ทางผ่าน และปลายทาง ปัจจัยนี้ส่งผลให้สถานการณ์การค้ามนุษย์ในภูมิภาคเอเชียมีความซับซ้อน มีประชาชนของแทบทุกประเทศล้วนตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะแรงงานข้ามชาติ LPN พบว่า แนวโน้มจำนวนของแรงงานข้ามชาติที่ถูกหลอกนั้น มากขึ้นทุกที
ปัจจุบันพัฒนาการด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี เกื้อหนุนให้เกิดการอพยพย้ายถิ่นเพื่อ แสวงหาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยประเทศไทย เป็นทั้งต้นทาง ทางผ่าน และปลายทาง ปัจจัยนี้ส่งผลให้สถานการณ์การค้ามนุษย์ในภูมิภาคเอเชียมีความซับซ้อน มีประชาชนของแทบทุกประเทศล้วนตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะแรงงานข้ามชาติ LPN พบว่า แนวโน้มจำนวนของแรงงานข้ามชาติที่ถูกหลอกนั้น มากขึ้นทุกที
สถานการณ์ปัญหาการค้ามนุษย์มีความซับซ้อน หลากหลายมิติ อาทิ การบังคับใช้แรงงานทาสในสถานประกอบการ บนเรือประมง การแสวงหาประโยชน์ บังคับขอทาน กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายทุบตี ข่มขืน บังคับให้ขายบริการทางเพศ หลายกรณีมักพบเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องและแสวงหาประโยชน์ เปิดบริสุทธิ์เด็ก รับ
สินบน มีส่วนร่วมในการปลอมแปลงเอกสาร
ปกปิดพยานหลักฐานและมีลักษณะการกระทำที่เป็นการสนับสนุนกระบวนการค้ามนุษย์
จนยากต่อการบังคับใช้กฎหมาย
ปัญหาการค้ามนุษย์มีขอบข่ายกว้างขวางและเป็นปัญหาที่รุนแรง ดังนั้นการพัฒนางานในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะการคัดแยกผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะแรงงานข้ามชาติ การสัมภาษณ์ผู้เสียหายที่ต้องใช้นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา เข้าร่วม เพื่อสืบหาที่มาของปัญหา และดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามกฎหมาย ก่อนที่จะผลักดันกลุ่มคนเหล่านี้กลับประเทศ และประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศนั้นๆ ในการดูแล คุ้มครอง และฟื้นฟู ผู้เสียหายอย่างเป็นระบบ
การค้ามนุษย์คืออะไร
ใน พิธีสารเพื่อป้องกัน ปราบปราม และลงโทษการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก เพิ่มเติมอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ระบุความหมายของ “การค้ามนุษย์” ไว้ว่า
ใน พิธีสารเพื่อป้องกัน ปราบปราม และลงโทษการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก เพิ่มเติมอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ระบุความหมายของ “การค้ามนุษย์” ไว้ว่า
“การค้ามนุษย์ หมายถึง
การจัดหา การขนส่ง การส่งต่อ การจัดให้อยู่อาศัย
หรือการรับไว้ซึ่งบุคคลด้วยวิธีการขู่เข็ญ หรือด้วยการใช้กำลัง
หรือด้วยการบีบบังคับในรูปแบบ อื่นใด ด้วยการลักพาตัว ด้วยการฉ้อโกง
ด้วยการหลอกลวง ด้วยการใช้อำนาจโดยมิชอบ
หรือด้วยการใช้สถานะความเสี่ยงภัยจากการค้ามนุษย์โดยมิชอบ หรือมีการให้
หรือรับเงินหรือผลประโยชน์เพื่อให้ได้มาซึ่งความยินยอมของบุคคลผู้มีอำนาจ
ควบคุมบุคคลอื่น เพื่อความมุ่งประสงค์ในการแสวงประโยชน์ การแสวงประโยชน์
อย่างน้อยที่สุด ให้รวมถึงการแสวงประโยชน์จากการค้าประเวณีของบุคคลอื่น
หรือการแสวงประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ
การเอาคนลงเป็นทาสหรือการกระทำอื่นเสมือนการเอาคนลงเป็นทาส
การทำให้ตกอยู่ใต้บังคับ หรือการตัดอวัยวะออกจากร่างกาย ให้ถือว่าการจัดหา
การขนส่ง การส่งต่อ การจัดให้อยู่อาศัย
หรือการรับไว้ซึ่งเด็กเพื่อความมุ่งประสงค์ในการ แสวงประโยชน์
เป็นการค้ามนุษย์ แม้ว่าจะไม่มีการใช้วิธีการใด ๆ ที่ระบุไว้”
ในพระราชบัญญัติมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ. 2540 ไม่ได้ให้ความหมายของคำว่า “การค้ามนุษย์” โดยตรง แต่ในมาตรา 5 ระบุ ดังนี้
“ใน
การกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้าหญิงหรือเด็ก ซื้อ ขาย จำหน่าย
พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด รับ หน่วงเหนี่ยว หรือกักขัง ซึ่งหญิงหรือเด็ก
หรือจัดให้หญิง
หรือเด็กกระทำการหรือยอมรับการกระทำใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น
เพื่อการอนาจาร
หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ไม่ว่าหญิงหรือเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี
กฎหมายว่าด้วยสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน
หรือพระราชบัญญัตินี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการตามพระราช
บัญญัตินี้”
ในร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2540” เพื่อ
ให้สอดคล้องกับ พิธีสารเพื่อต่อต้านการลักลอบขนย้ายผู้ย้ายถิ่นทางบก ทะเล
และอากาศ อันเป็นพิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญาสหประชาชาติ ได้ให้ความหมายไว้ว่า
“ผู้
ใดกระทำต่อบุคคลอื่นดังต่อไปนี้ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ + จัดหา
ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปที่ใด หน่วงเหนี่ยว กักขัง จัดให้
อยู่อาศัยหรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด + ด้วยวิธีการข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ
ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ
หรือโดยอาศัยความอ่อนด้อยประสบการณ์หรือความรู้ของบุคคล หรือโดยการ
ให้หรือรับเงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่น เพื่อให้รับความยินยอมของผู้ปกครอง
หรือผู้ดูแลบุคคลนั้น และ +
โดยเจตนาเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ในกรณีที่เป็นการกระทำต่อเด็ก ให้ถือว่าเป็นการค้ามนุษย์
และแม้เด็กนั้นจะยินยอมก็ตาม
การ
แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หมายความว่า การแสวงหาประโยชน์จากการค้า ประเวณี
การผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามก การแสวงหาประโยชน์ทางเพศใน รูปแบบอื่น
การบังคับใช้แรงงานหรือบริการเอาคนลงเป็นทาส ตัดอวัยวะออกจาก ร่างกาย
ให้เด็กกระทำการที่ผิดกฎหมายอาญา หรือการกระทำอื่นที่มีลักษณะเดียวกัน
หรือที่รุนแรงกว่านั้น”
สรุปการค้ามนุษย์คือ การ
กระทำและความพยายามใด ๆ ในการหา ขนส่ง ลำเลียง ซื้อ ขาย ส่งต่อ รับ กักขัง
หน่วงเหนี่ยวคนเพื่อให้คนไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หญิงหรือชาย
ยอมทำในสิ่งไม่อยากทำหรือตกอยู่ในสภาพที่ลำบากโดยถูกเอารัดเอาเปรียบ
ถูกแสวงหาประโยชน์
ประเภทการค้ามนุษย์
อันดับหนึ่งของธุรกิจ "ค้ามนุษย์" ร้อยละ 79 เป็นการใช้ประโยชน์ทางเพศ ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กหญิง ซึ่งรูปแบบที่พบเห็นเป็นประจำ เช่น
-การบริการทางเพศ(การค้าบริการทางเพศ)
-การใช้แรงงานเยี่ยงทาส(การค้าทาส)
-การรับจ้างแต่งงาน
-การขอทาน
-การตัดอวัยวะออกจากร่างกาย
-การบริการทางเพศ(การค้าบริการทางเพศ)
-การใช้แรงงานเยี่ยงทาส(การค้าทาส)
-การรับจ้างแต่งงาน
-การขอทาน
-การตัดอวัยวะออกจากร่างกาย
สาเหตุของปัญหาการค้ามนุษย์
ปัจจุบันปัญหาการค้ามนุษย์ ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ โดยมีสาเหตุจากกระแสโลกาภิวัตน์ ทำให้เกิดภาวะโลกไร้พรมแดน ความเจริญก้าวหน้าของเส้นทางคมนาคมและเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร เกิดเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมาย และกระบวนการค้ามนุษย์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น จนกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
สาเหตุของการเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ มี 3 ปัจจัย คือ
1. ปัจจัยที่ผลักดัน ได้แก่ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เมื่อ 10-20 ปี ที่ผ่านมา ความยากจนอาจเป็นสาเหตุที่ผลักดันให้หญิงและเด็กตกอยู่ในสภาพถูกค้า แต่ภายหลังพบว่า ความยากจนโดยตัวของมันเองไม่ได้เป็นเงื่อนไขให้เกิดการค้าหญิง แต่มักจะเป็นความยากจนรวมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น การขาดโอกาสได้รับการศึกษา การเข้าไม่ถึงบริการของรัฐการขาดทักษะอาชีพหรือความไม่รู้ โดยเฉพาะความไม่รู้เท่าทันถึงวิธีการหลอกลวง ตั้งแต่หลวกลวงเรื่องค่าจ้างลักษณะงาน ความไม่รู้เรื่อง หนี้สิน อันเกิดจากนายจ้างและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไปจนถึงวิธีการปลอมแปลงเอกสารสำคัญต่าง ๆ
นอกจากนี้สภาพความเลวร้ายในครอบครัวก็มีส่วนผลักดันให้หญิงและเด็กต้องแสวงหาโอกาสที่ดีกว่า โดยไม่ทันคำนึงถึงอันตรายต่าง ๆ
2. ปัจจัยที่ดึงดูด คือความต้องการเงินเพื่อยังชีพ ส่งให้บิดามารดาหรือซื้อของที่ต้องการอันเนื่องมาจากค่านิยมเชื่อมโยงกับ บริโภคนิยมและวัตถุนิยม
3. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเจตคติและค่านิยม ได้แก่ การมีค่านิยมที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการมองว่าผู้หญิงและเด็กมีความด้อยด้าน เพศและอายุ ทำให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกหลอกลวงและถูกบังคับได้ง่าย
เด็กและหญิงที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
1. เด็กและหญิงไทยที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
2. เด็กและหญิงต่างด้าวที่เข้าประเทศไทย ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
3. เด็กและหญิงต่างด้าวที่เข้าประเทศไทยถูกต้องตามกฎหมายแต่ภายหลังตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
4. เด็กและหญิงที่มิได้มีสัญชาติไทย แต่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
ปัจจุบันปัญหาการค้ามนุษย์ ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ โดยมีสาเหตุจากกระแสโลกาภิวัตน์ ทำให้เกิดภาวะโลกไร้พรมแดน ความเจริญก้าวหน้าของเส้นทางคมนาคมและเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร เกิดเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมาย และกระบวนการค้ามนุษย์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น จนกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
สาเหตุของการเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ มี 3 ปัจจัย คือ
1. ปัจจัยที่ผลักดัน ได้แก่ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เมื่อ 10-20 ปี ที่ผ่านมา ความยากจนอาจเป็นสาเหตุที่ผลักดันให้หญิงและเด็กตกอยู่ในสภาพถูกค้า แต่ภายหลังพบว่า ความยากจนโดยตัวของมันเองไม่ได้เป็นเงื่อนไขให้เกิดการค้าหญิง แต่มักจะเป็นความยากจนรวมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น การขาดโอกาสได้รับการศึกษา การเข้าไม่ถึงบริการของรัฐการขาดทักษะอาชีพหรือความไม่รู้ โดยเฉพาะความไม่รู้เท่าทันถึงวิธีการหลอกลวง ตั้งแต่หลวกลวงเรื่องค่าจ้างลักษณะงาน ความไม่รู้เรื่อง หนี้สิน อันเกิดจากนายจ้างและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไปจนถึงวิธีการปลอมแปลงเอกสารสำคัญต่าง ๆ
นอกจากนี้สภาพความเลวร้ายในครอบครัวก็มีส่วนผลักดันให้หญิงและเด็กต้องแสวงหาโอกาสที่ดีกว่า โดยไม่ทันคำนึงถึงอันตรายต่าง ๆ
2. ปัจจัยที่ดึงดูด คือความต้องการเงินเพื่อยังชีพ ส่งให้บิดามารดาหรือซื้อของที่ต้องการอันเนื่องมาจากค่านิยมเชื่อมโยงกับ บริโภคนิยมและวัตถุนิยม
3. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเจตคติและค่านิยม ได้แก่ การมีค่านิยมที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการมองว่าผู้หญิงและเด็กมีความด้อยด้าน เพศและอายุ ทำให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกหลอกลวงและถูกบังคับได้ง่าย
เด็กและหญิงที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
1. เด็กและหญิงไทยที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
2. เด็กและหญิงต่างด้าวที่เข้าประเทศไทย ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
3. เด็กและหญิงต่างด้าวที่เข้าประเทศไทยถูกต้องตามกฎหมายแต่ภายหลังตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
4. เด็กและหญิงที่มิได้มีสัญชาติไทย แต่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
สถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศไทย
ในปัจจุบันปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะต่อกลุ่มเด็กและหญิง เป็นปัญหาระดับโลกและได้แพร่ขยายมากขึ้น ซึ่งในระยะแรก ๆ มุ่งไปที่การเอารัดเอาเปรียบทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศ ที่มีต่อเด็ก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับธุรกิจบริการทางเพศ ต่อมาปัญหาได้ขยายตัวเป็นการใช้แรงงานรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน การบังคับขู่เข็ญ การทำร้ายร่างกาย จิตใจ การทำให้เสียอิสระภาพและศักดิ์ศรีของการเป็นมนุษย์ ลักษณะเหล่านี้ถือเป็นการ "ค้าทาส" ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางทั้งในระดับนานาชาติ ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ที่ประสบปัญหาการค้ามนุษย์และตกอยู่ในสถานะ 3 สถานะ คือ
-เป็นประเทศต้นทาง มีการนำคนจากพื้นที่ชนบทชุมชนชาวไทยภูเขา หรืออื่น ๆ ส่งไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ
-เป็นประเทศทางผ่าน ขบวนการค้ามนุษย์ใช้เป็นทางผ่านพาคนจากประเทศพม่า ลาว จีน เขมรฯลฯ ไปยังประเทศอื่น ๆ
-เป็นประเทศปลายทาง มีการนำคนจากที่อื่นเข้ามาพักและแสวงหาประโยชน์
ในปัจจุบันปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะต่อกลุ่มเด็กและหญิง เป็นปัญหาระดับโลกและได้แพร่ขยายมากขึ้น ซึ่งในระยะแรก ๆ มุ่งไปที่การเอารัดเอาเปรียบทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศ ที่มีต่อเด็ก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับธุรกิจบริการทางเพศ ต่อมาปัญหาได้ขยายตัวเป็นการใช้แรงงานรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน การบังคับขู่เข็ญ การทำร้ายร่างกาย จิตใจ การทำให้เสียอิสระภาพและศักดิ์ศรีของการเป็นมนุษย์ ลักษณะเหล่านี้ถือเป็นการ "ค้าทาส" ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางทั้งในระดับนานาชาติ ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ที่ประสบปัญหาการค้ามนุษย์และตกอยู่ในสถานะ 3 สถานะ คือ
-เป็นประเทศต้นทาง มีการนำคนจากพื้นที่ชนบทชุมชนชาวไทยภูเขา หรืออื่น ๆ ส่งไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ
-เป็นประเทศทางผ่าน ขบวนการค้ามนุษย์ใช้เป็นทางผ่านพาคนจากประเทศพม่า ลาว จีน เขมรฯลฯ ไปยังประเทศอื่น ๆ
-เป็นประเทศปลายทาง มีการนำคนจากที่อื่นเข้ามาพักและแสวงหาประโยชน์
ซึ่งในปี2547 มีนโยบายรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ประกาศเจตนารมณ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2547 ให้การค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ และมอบนโยบายด้านการค้ามนุษย์ 6 ข้อ คือ
-การเสริมสร้างศักยภาพ
-การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
-การปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายด้านการค้ามนุษย์
-การรณรงค์เพื่อให้สังคมเห็นปัญหาอย่างแท้จริง
-การฟื้นฟูและเยียวยาผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
-การปรับระบบความคิด ทัศนคติของคนในสังคม
-การเสริมสร้างศักยภาพ
-การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
-การปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายด้านการค้ามนุษย์
-การรณรงค์เพื่อให้สังคมเห็นปัญหาอย่างแท้จริง
-การฟื้นฟูและเยียวยาผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
-การปรับระบบความคิด ทัศนคติของคนในสังคม
และประเทศไทยบังคับใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์มาตั้งแต่ปี 2551 แต่ประเทศไทยถูกลดระดับความน่าเชื่อถือในสถานการณ์การค้ามนุษย์จาก Tier II เป็น Tier II Watch List หรือบัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ ในรายงานระบุว่า แม้กระบวนการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จะพัฒนาขึ้นอย่างมีลำดับ แต่กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของประเทศไทยยังคงล้มเหลว มีการดำเนินการอย่างมีข้อจำกัด เกิดจากสาเหตุหลายประการ ทั้งความรู้ความเข้าใจในตัวบทกฎหมาย การเพิกเฉยต่อการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง มีการแสวงหาผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับกระบวนการค้ามนุษย์ได้อย่างจริงจัง ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2549 ที่ผ่านมา ก็มีคดีฐานความผิดค้ามนุษย์หลายกรณีที่ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐ อาทิ คดีสุไหโกลก คดีรัญญาแพ้ว คดีประภาสนาวี คดีอโนมา คดีแสมสาร คดีกันตัง คดีลพบุรี และคดีย่อยๆ อีกจำนวนมาก ซึ่งคดีเหล่านี้บางคดียังไม่สามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้
ชมคลิปวีดีโอเกี่ยวกับการค้ามนุษย์
ทางกลุ่มได้แบ่งประเด็นการค้ามนุษย์ออกเป็น 3 ประเด็นใหญ่ในการนำเสนอคือ
การ
แสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก หมายถึง การบังคับ ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม
หรือกระทำด้วยประการใด ให้เด็กกระทำการใด หรือไม่กระทำการใด
อันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กมีการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ในหลากหลายรูปแบบ อันป็นการกระทำผิดกฏหมาย
พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
และกฏหมายอาญา เช่น
• เป็นธุระจัดหาเด็ก เพื่อการค้าประเวณี
• ประสงค์แห่งการค้า ทำ ผลิต เผยแพร่ จำหน่าย นำเข้า สื่อลามกอนาจารเด็ก
• การรับเด็ก ทำงานในสถานประกอบการต้องห้ามตามกฏหมาย เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหนัก สถานบันเทิงกลางคืน เป็นต้น
การค้ามนุษย์เพื่อบริการทางเพศ คือ
การท่องเที่ยวเพื่อบริการทางเพศกับเด็กคืออะไร
การค้ามนุษย์เพื่อบริการทางเพศ คือ
“การค้ามนุษย์เพื่อบริการทางเพศ” หมายถึง การจัดหา การให้ที่พักพิง การขนส่ง หรือการนำตัวบุคคล มาเพื่อจุดประสงค์ของการมีเพศสัมพันธ์เชิงพาณิชย์
“การมีเพศสัมพันธ์ในเชิงพาณิชย์” หมายถึง การมีเพศสัมพันธ์ซึ่งทำให้มีผู้ใดก็ตามให้หรือรับสิ่งใดที่มีมูลค่าจากการกระทำดังกล่าว
แต่ ละปีจะมีเด็กกว่า 1 ล้านคนที่ถูกแสวงประโยชน์ในการค้าบริการทางเพศในโลก การท่องเที่ยวเพื่อการบริการทางเพศกับเด็ก (Child Sex Tourism - CST) หมายความถึงการที่คนเดินทางจากประเทศของตนเองไปยังอีกประเทศหนึ่งและมีเพศ สัมพันธ์เชิงพาณิชย์กับเด็ก ๆ CST เป็น
การทำร้ายศักดิ์ศรีของเด็กอย่างน่าละอาย
และเป็นการกระทำทารุณเด็กอย่างรุนแรงรูปแบบหนึ่ง
การแสวงประโยชน์ทางเพศกับเด็ก ๆ
จะมีผลกระทบที่ตามมาซึ่งเป็นความเสียหายอย่างมาก
นักท่องเที่ยว ซึ่งเกี่ยวข้องกับ CST ส่วนใหญ่จะเดิน
ทางไปยังประเทศที่กำลังพัฒนาเพื่อจะได้ไม่มีใครรู้จักและเป็น
ประเทศที่มีโสเภณีเด็กอยู่แล้ว
สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมมักจะได้แก่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ
การคอร์รัปชั่น อินเตอร์เน็ต การเดินทางที่สะดวกขึ้น และความยากจน
ผู้ที่กระทำผิดทางเพศเช่นนี้จะมาจากภูมิหลังทางด้านเศรษฐกิจและสังคมทุกรูป
แบบ และอาจจะอยู่ในตำแหน่งซึ่งผู้คนไว้วางใจ
กลุ่มเป้าหมาย
เด็ก
ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในการถูกนำมาแสวงหาผลประโยชน์
ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มของเด็กเร่ร่อนที่อาศัยพื้นที่สาธารณะหลับนอน
โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะเข้าไปตีสนิทและชักชวนเด็กๆ
โดยการเสนอผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น เงิน เกมส์ ของเล่น หรืออาหารให้
เพื่อเป็นการจูงใจให้เด็กเชื่อใจ แล้วจึงชักชวนเด็กไปทำงาน
นอก
จากนี้ยังพบว่า มีเด็กในครอบครัวที่ตกเป็นเหยื่อเช่นเดียวกัน คือ
เด็กที่อยู่ในร้านเกมส์ หรือโต๊ะสนุ๊กเกอร์
โดยพวกมิจฉาชีพจะรู้ว่าเด็กต้องการเงินไปเล่นเกมส์
ก็มักจะเข้ามาตีสนิทและเสนอเงินให้เด็ก จากนั้นจึงชักชวนเด็กไปทำงาน
โดยเด็กกลุ่มเสี่ยงมีอายุตั้งแต่ 10 – 18 ปี ทั้งชายและหญิง ตลอดจนเด็กที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ
พื้นที่เสี่ยงในการล่อลวงเด็กไปแสวงหาผลประโยชน์ ได้แก่
• สนามหลวง
• บริเวณสะพานพุทธ
• วงเวียนใหญ่
• สถานีรถไฟหัวลำโพง
• สวนลุมพินี
• ย่านสีลมเป็นต้น
• บริเวณสะพานพุทธ
• วงเวียนใหญ่
• สถานีรถไฟหัวลำโพง
• สวนลุมพินี
• ย่านสีลมเป็นต้น
ทำไมผู้หญิงจึงตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
-สังคมเชื่อว่า ผู้ชายมีแรงขับธรรมชาติทางเพศมาก จำเป็นต้องได้รับการตอบสนอง ทางเพศอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การใช้บริการทางเพศจากหญิงขายบริการเป็นเรื่องปกติและต้องการเพิ่มมากขึ้น
-ผู้หญิงถูกกำหนดให้เชื่อว่าตนเองไม่มีสิทธิในเนื้อตัว ร่างกาย มีหน้าที่ตอบสนอง เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินตรา จึงตกเป็นเหยื่อได้ง่าย
-ธุรกิจลามกอนาจาร การค้าบริการทางเพศ สื่อสิ่งพิมพ์แพร่หลายอยู่ทั่วไปและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน
-สังคมเชื่อว่า ผู้ชายมีแรงขับธรรมชาติทางเพศมาก จำเป็นต้องได้รับการตอบสนอง ทางเพศอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การใช้บริการทางเพศจากหญิงขายบริการเป็นเรื่องปกติและต้องการเพิ่มมากขึ้น
-ผู้หญิงถูกกำหนดให้เชื่อว่าตนเองไม่มีสิทธิในเนื้อตัว ร่างกาย มีหน้าที่ตอบสนอง เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินตรา จึงตกเป็นเหยื่อได้ง่าย
-ธุรกิจลามกอนาจาร การค้าบริการทางเพศ สื่อสิ่งพิมพ์แพร่หลายอยู่ทั่วไปและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน
-ค่านิยมด้านวัตถุนิยมแพร่หลาย ความต้องการเงินเพิ่มขึ้น
ผู้หญิงบางกลุ่มยอมทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้เงินมาสนองค่านิยมวัตถุนิยม
-ด้วยปัญหาทางครอบครัว ทางเศรษฐกิจ
ผู้หญิงบางกลุ่มเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบครอบครัว
บางคนเมื่อถึงทางตัน
มีวิธีไหนที่จะได้เงินมาเลี้ยงดูครอบครัวก็ยอมทำทุกอย่างแม้จะเป็นการขายตัว
ขายศักดิ์ศรีก็ตามเป็นต้น
ทำอย่างไรจะป้องกันไม่ให้ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์
-ให้ความสำคัญกับการพัฒนาครอบครัวให้เข้มแข็ง และส่งเสริมบทบาทครอบครัว โรงเรียนชุมชน และประชาชนทั่วไปในการป้องกันและเฝ้าระวัง
-สร้างความตระหนักในบทบาทหญิงชาย ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน และโรงเรียน จนถึงระดับประเทศเพื่อขจัดปัญหาการเลือกปฏิบัติและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
-เสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้หญิงและเด็กในทุกๆด้าน
-สร้างทางเลือกในการประกอบอาชีพที่หลากหลาย และพัฒนาอาชีพให้ตรงตามความต้องการของตลาด
-รณรงค์ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจพอเพียง ลดค่านิยมในการบริโภควัตถุนิยม
-รณรงค์ให้สังคมเลิกสนับสนุนบริษัท สื่อ หรือองค์กรที่มีการกระทำใดที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์
หลักปฏิบัติที่ต้องจดจำในการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์
คนที่ตกเป็นเหยื่อ ล้วนตกอยู่ในเหตุการณ์ที่ทุกข์ทรมาน อยู่ในสภาพเสียเปรียบ ขาดที่พึ่ง ไม่มีใครที่ช่วยเหลือเขาได้ หรือถูกหยามเหยียด จึงควรดำเนินการดังนี้
-สนับสนุนช่วยเหลือเขาเหล่านั้นให้ตัดสินใจที่จะจัดการกับชีวิตของตนด้วยตนเอง
-เคารพและยอมรับในความคิดเห็นของเขา
-ช่วยสร้างความมั่นใจและนับถือตนเองให้กับเขา
-เก็บรักษาความลับโดยไม่นำไปเล่าให้ผู้อื่นฟัง
-อย่าให้คำสัญญาใด ๆ ในสิ่งที่กระทำไม่ได้
รูปแบบใหม่การค้าบริการ
แฉ
นวดแผนไทยพร้อมขายเซ็กซ์กำลังเป็นที่นิยมในยุโรป ทั้งฝรั่งเศส เดนมาร์ก
เยอรมัน หวั่นทำภาพพจน์นวดไทยเสื่อมเสียทั่วโลก
เผยหญิงไทยระดับเรียนจบปริญญาราชภัฏแห่ไปทำกันเพียบ รวมถึงเด็กปวส.-ปวช.
เพราะรายได้ดีมาก
จนต้องกลับมาเรียนนวดวัดโพธิ์เพื่อให้ได้ใบรับรองกลับไปทำงาน
เผยขณะทำงานสาวไทยจะใส่เสื้อคลุมตัวเดียว โดยบริการรู้กันว่ามีแบบนวดธรรมดา
แบบนวดน้ำมันและแบบร่วมเพศ ระบุแม้แต่สาวใต้ทั้งปัตตานี นครฯ สุราษฎร์ฯ
ก็นิยมไปขายบริการแบบนี้
จาก
ข้อมูลที่ได้รับในการเข้าไปแก้ปัญหาการค้ามนุษย์พบว่า
มีขบวนการร่วมมือกันอย่างเป็นระบบแบบมืออาชีพในการปลอมแปลงเอกสารและหนังสือ
เดินทาง ส่วนนายหน้ามีทั้งเพื่อนและญาติสนิท ที่น่าห่วง คือ
คนไปขายบริการทางเพศนับวันมีการศึกษาสูงขึ้น ตั้งแต่ปวส.-ปริญญาตรี
เนื่อง
จากการตรวจสอบคนเข้าเมืองของต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่นมีความเข้มงวด
มากขึ้น ขบวนการค้ามนุษย์ต้องใช้วิธีการสลับซับซ้อน
นายหน้าจึงมุ่งไปหาเหยื่อที่มีความรู้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ถูกจับได้
และยอมรับว่าหญิงไทยบางส่วนก็ไปทำงานด้วยความสมัครใจ
ได้มีการรับข้อมูลจากเครือข่ายช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกหลอกไปขายบริการ
ทางเพศว่า มีหญิงไทยจำนวนหนึ่งถูกกักขังที่ประเทศมาเลเซีย
โดยคนที่หลบหนีมาได้ให้ข้อมูลว่ายังมีเพื่อนคนไทยอีกหลายคนที่ถูกส่งขายไปมา
เลย์ และถูกนำไปซ่อนตัวไว้ในสถานที่มิดชิดจนคนภายนอกไม่รู้
โดยมีขบวนการทำงานสลับซับซ้อนมาก
รายงาน
ข่าวจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เปิดเผยว่า
ยังมีหญิงไทยที่ถูกหลอกไปค้าบริการทางเพศที่มาเลเซียอย่างต่อเนื่อง
โดยหญิงไทยจะถูกพาไปซ่อนตัวไว้ในโรงแรมขนาดใหญ่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์
และยะโฮบารู เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมือง
ซึ่งจะมีห้องลับอยู่ชั้นใต้ดินไว้ซ่อนผู้หญิง
เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมขณะตำรวจมาเลย์เข้ามาตรวจ
ทำให้ยากในการเข้าไปช่วยเหลือและจับกุม
ทั้งนี้ผู้หญิงที่ไปขายบริการที่มาเลย์มีทั้งถูกหลอกและไปแบบสมัครใจ
บางรายจบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ก็ยังไป ส่วนเด็กที่ถูกหลอกไปขายอายุต่ำกว่า 18 ปี มีจำนวนมาก อายุน้อยสุดเพียง 13 ปี
งาน
ฝ่ายเอเชียอาคเนย์ ประเทศเยอรมนี กล่าวว่า
ปัญหาหญิงไทยไปขายบริการที่เยอรมัน โดยเฉพาะเมืองฮัมบูร์ก
พบว่ามีรูปแบบใหม่โดยการแอบแฝงมากับการนวดแผนไทยและสปาซึ่งกำลังเป็นที่นิยม
ของชายชาวยุโรป ทั้งในเยอรมัน ฝรั่งเศส ส่วนในเดนมาร์กมีมานานแล้ว
โดยในเยอรมันมีการโฆษณาผ่านทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
ซึ่งนายหน้าหรือเจ้าของสถานที่จะจัดเช่าห้องอพาร์ตเมนต์ให้ผู้หญิงไปนั่ง
แล้วให้ผู้ชายเข้าไปเลือก การนวดมีทั้งนวดธรรมดา
นวดน้ำมันและบริการพิเศษที่รู้กันว่า คือ การขายบริการทางเพศ
โดยผู้หญิงจะสวมเสื้อคลุมตัวเดียวแล้วนวด
ซึ่งมีทั้งการร่วมเพศโดยตรงและการใช้มือ
ส่วนค่าบริการรวมขายบริการทางเพศด้วยชั่วโมงละ 70 ยูโร ผู้หญิงจะได้รับส่วนแบ่ง 40 ยูโร "หญิงไทยที่ไปทำงานส่วนใหญ่เป็นคนจากภาคอีสาน ภาคกลางตอนเหนือ ภาคเหนือ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าช่วง 4-5 ปี
มานี้มีหญิงไทยจากภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราชและปัตตานี
ไปขายบริการมากขึ้น เนื่องจากทำงานที่ภูเก็ตไปรู้จักชาวเยอรมันจึงตามกันไป
หรือรู้จักทางอินเตอร์เน็ต
นอก
จากนี้หญิงไทยที่ไปพบว่าจบปริญญาตรี จากราชภัฏเยอะมาก นอกจากนั้นก็มีปวช.
ปวส. การให้บริการแฝงดังกล่าวทำให้ภาพพจน์การนวดแผนไทยเสื่อมเสีย
คนต่างชาติกำลังมองว่าถ้านวดแผนไทย คือ การขายบริการทางเพศไปแล้ว
จึงอยากให้รัฐเข้าไปตรวจสอบและควบคุมเรื่องนี้โดยเร็ว
เนื่องจากขณะนี้มีการส่งหญิงไทยกลับมาเรียนนวดที่วัดโพธิ์ 3-5 วัน
ก็ได้รับใบประกาศ จึงจะได้ทำงาน
ทุกวันนี้การหลอกลวงหญิงไทยไปค้าโดยใช้วิธีบังคับทารุณแทบไม่เห็นแล้ว
จะมีก็เป็นการหลอกลวงเรื่องรายได้และเวลาการทำงานที่ต้องทำงานตั้งแต่เวลา 10.00 -22.00 น. และห้ามมีแฟนเพราะจะทำให้รู้มาก เมื่อวีซ่าขาด นายหน้าจะแนะนำให้จ้างชายชาวเยอรมันมาแต่งงาน โดยผู้หญิงต้องจ่ายเงินประมาณ 2,000 ยูโร จึงอยู่ทำงานต่อได้ จนกว่าจะครบ 2 ปี ถึงจะสามารถอยู่ในประเทศได้อย่างถาวร
ระหว่าง
นี้หากมีปัญหานายหน้าก็จะไม่ให้สามีชาวเยอรมันต่อวีซ่าให้
ผู้หญิงก็ต้องถูกส่งกลับประเทศ มีหลายรายที่ยอมทำศัลยกรรมหน้า
เปลี่ยนชื่อนามสกุล เพื่อให้กลับไปทำงานที่เยอรมันได้อีก
เจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น กล่าวว่า
มีผู้หญิงไปขายบริการที่ญี่ปุ่นจำนวนมาก ทั้งหญิงไทย
ฟิลิปปินส์และโคลัมเบีย โดยใช้เอกสารและพาสปอร์ตปลอมในการเดินทาง
ชมคลิปวีดีโอ
“ขอทาน”
หมาย
ถึง การขอเงินหรือสิ่งของเลี้ยงชีวิต
แต่ข้อเท็จจริงจากการศึกษาและสำรวจข้อมูลดังกล่าวพบว่า
การขอทานได้ถูกหยิบยกมาเป็นวิธีการหาเงินโดยใช้เด็กเป็นเครื่องมือ
ซึ่งมีผลประโยชน์ตอบแทนสูงให้แก่กลุ่มบุคคล
หรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวของเด็กคนนั้นเอง
เป็นผลให้เกิดการขยายตัวจนมีการเคลื่อนย้ายเด็กเข้าสู่ขบวนการขอทานเพิ่ม
ยิ่งขึ้น จึงทำให้นิยามของการขอทานเพื่อเลี้ยงชีพเริ่มเข้าสู่ภัยเงียบของ “ธุรกิจเด็กขอทาน” นั่นเอง
“เด็กขอทาน” ประติมากรรม
ด้านมืดของสังคม
ที่แสดงถึงความตกต่ำของจิตใจมนุษย์ในการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบ
ที่เลวร้ายที่สุด เมื่อสังคมเริ่มตั้งคำถามต่อหน่วย
งานภาครัฐในการจัดการและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ภาพของเด็กขอทานที่นั่งอยู่ตามข้างถนนก็บางตาลง แต่เมื่อใดที่รัฐละเลย…ประติมากรรมเหล่านั้น ก็กลับมา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
เด็กขอทานมาจากไหน
หากพิจารณาจากพื้นที่ภูมิศาสตร์ทำเลทองในการขอทาน โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล อาจกล่าวได้ว่า กว่า 90% คือ
ขอทานที่มาจากประเทศกัมพูชา
ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลนักเพียงสองร้อยกว่ากิโลเมตร
จากชายแดนด้านอำเภออรัญประเทศจังหวัดสระแก้ว
เข้ามาถึงเมืองหลวงของประเทศไทย คงมิใช่เรื่องยากที่ขบวนการค้ามนุษย์จะลำเลียง “เด็ก”เพื่อมาเป็นแรงงานทาสในธุรกิจขอทาน
“เด็ก” ที่ถูกนำมาเป็นขอทานมีอายุตั้งแต่แรกเกิด จนถึงประมาณ 10 ปี หากโตเกินกว่านั้นแล้ว ย่อมหมดความน่าสงสาร ไม่อาจทำรายได้ให้แก่ธุรกิจขอทานแต่อย่างใด
เกือบทุกครั้ง เรามักเห็นว่า “เด็กขอทาน” มีหญิงขอทานที่กล่าวอ้างตัวเองว่าเป็น “แม่” คอยนั่งอยู่ใกล้ๆ หรือ นั่งขอทานห่างไปอีกสักมุมสะพานลอยอยู่เสมอ นั่นอาจเป็นแม่ของเด็กขอทานหรือมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเด็กคนนั้นจริงๆ
แต่
อีกส่วนหนึ่งเราพบว่าหญิงและเด็กที่นั่งอยู่ด้วยกันนั้นไม่มีความสัมพันธ์
ทางสายเลือดและเด็กถูกนำมาขอทานด้วยวิธีการที่ไม่ต่างจากสินค้า คือ การเช่า
และซื้อ มาจากครอบครัวของเด็กเอง!!!
ถึงที่สุดแล้วไม่ว่าเด็กจะมาจากวิธีการก็ตาม
พวกเขาต้องได้รับการการคุ้มครองสิทธิความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกันกับเด็กทั่ว
โลก และชีวิตของพวกเขาไม่ควรเรียนรู้โลกกว้างจากข้างถนนโดยเด็ดขาด
วิธีการในการนำเข้าเด็กขอทาน
เส้นทางในการนำเด็กและขบวนการขอทานเข้า
สู่ประเทศไทย ไม่ได้มีความสลับซับซ้อนหรือยุ่งยากแต่อย่างใด
เพราะมีวิธีนำพาเด็กมุ่งเข้าสู่
เมืองหลวงของประเทศไทยได้หลากหลายวิธีทางรถยนต์เป็นวิธีการยอดนิยม
อีกวิธีการหนึ่งที่ขบวนการค้าคน จะขนส่งสินค้ามนุษย์เข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย โดยสนนราคาที่ 1,500-3,000 บาทต่อหญิงและเด็ก 1 คู่
ซึ่ง
หากพิจารณาถึงสภาพการตรวจตราที่เข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร
ในเส้นทางจากตลาดโรงเกลือถึงจังหวัดปราจีนบุรีแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีขบวนการขนคนรอดสายตาไปได้ แต่ยุทธวิธี “กองทัพมด” ที่จอดรถเดินเท้าอ้อมผ่านด่านตรวจ ก็ยังคงเป็นวิธีการที่ถูกนำมาใช้ และใช้ได้เสมออย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน
ทาง
รถไฟ... เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะสามารถขนคนเข้ามายังกรุงเทพฯ
ได้อย่างสะดวก ทั้งๆ ที่บนขบวนรถไฟมีเจ้าหน้าที่รถไฟ และตำรวจรถไฟ
คอยตรวจตราอย่างเข้มงวด
หญิง
ขอทานคนหนึ่ง เธอเปิดเผยว่า
สามารถซื้อตั๋วรถไฟจากช่องจำหน่ายตั๋วได้ด้วยตัวเอง
เธอยังให้ข้อมูลที่น่าสนใจอีกว่า
เต้องเตรียมเงินจำนวนหนึ่งไว้จ่ายค่าผ่านทางบนรถไฟสอดคล้องกับเจ้าหน้าที่
จำหน่ายตั๋วที่สถานีรถไฟอรัญประเทศที่กล่าวว่า ใครมีเงินมา ซื้อ
ก็ขายทั้งนั้น
รถ
โดยสาร...รถโดยสารประจำทางที่แล่นจากอรัญประเทศเข้ากรุงเทพมหานคร
ต้องหยุดตรวจค้นและแสดงบัตรประชาชนของผู้โดยสารทุกครั้ง
แต่มีรถโดยสารประเภทหนึ่งที่วิ่งรับนักท่องเที่ยวจากบ่อนคาสิโนเข้ามายัง
กรุงเทพฯ ที่ไม่ต้องหยุดตรวจ
และรถโดยสารดังกล่าวไม่เฉพาะนักเล่นการพนันเท่านั้นที่สามารถขึ้นได้
แต่ทุกคนที่มีเงินจ่ายค่าโดยสาร ก็สามารถเดินทางมากับรถ
โดยสารคันนี้ได้ทั้งนั้น ทุกอย่างเหมือนรถโดยสารประจำทาง
แต่สิ่งที่ต่างกันคือ รถโดยสารเหล่านี้ไม่ต้องหยุดตรวจที่ด่านตรวจ
เด็ก…เครื่องมือในการขอทาน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหากเมื่อใดก็ตามที่ท่านพบเห็นเด็กขอทานนั่ง
หน้าตาใสซื่อ หรืออยู่ในอ้อมกอดของคนที่พาเขามาขอทาน
ความสงสารและความเห็นใจจะคืบคลานเข้าสู่สามัญสำนึก ของเราๆ ท่านๆ
และหลังจากนั้น คงต้องถึงเวลาตัดสินใจว่า จะยอมใจแข็งเดินจากไป หรือ
ควักเศษเงินตอบแทนความน่าสงสารเบื้องหน้า
ด้วยความน่าสงสารและน่าเห็นใจนี่เอง ที่ทำให้เด็ก ต้องกลายมาเป็นส่วนประกอบหนึ่งของการแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ และการขอทาน ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ทำเงินให้แก่ผู้อยู่เบื้องหลังได้ไม่น้อยทีเดียว
ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ได้ลงพื้นที่ติดตามขบวนการต่างๆ ที่นำเด็กมาขอทาน พบว่า เด็กบางรายต้องออกมาขอทานตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนกระทั่งเวลา 5 ทุ่ม
กว่าจะได้กลับบ้านพักผ่อน ระยะเวลาในการขอทานช่างเนินนานนัก
เมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตแบบข้างถนนที่เด็กไม่สมควรจะได้รับ
ซ้ำร้ายเด็กเหล่านี้ขาดโอกาสทางการศึกษาตั้งแต่เริ่มแรก ดังนั้น
เมื่อเด็กเติบโตขึ้น ทางเลือกในการประกอบอาชีพเลี้ยงตัวก็ลดน้อยลง
ผลักดันให้เด็กกลุ่มนี้อาจเติบโตในภาวะของเด็กเร่ร่อนและอาจก่ออาชญากรรม
เพื่อประทังชีวิตในอนาคต
ไม่
ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม
หากคนในสังคมยังมองภาพการแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กอย่างตื้นเขิน
ไม่ตั้งคำถามถึงที่มาที่ไป หรือ
สงสัยต่อคุณภาพชีวิตที่เด็กทุกคนควรจะมีและควรได้รับการปกป้องคุ้มครอง"เด็กขอทาน" ก็ยังเป็นเครื่องมือที่ขายได้ และเป็นจะภาพชินตาของคนในสังคมต่อไป
บทบาทรัฐในการแก้ไขปัญหา
“รัฐ” คง
มิอาจบ่ายเบี่ยงและปฏิเสธความรับผิดชอบในปัญหาเด็กขอทานไปได้
ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นเด็กไทยหรือเด็กสัญชาติใดก็ตาม
เพราะรัฐมีหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองเด็กทุกคนที่อยู่บนพื้นแผ่นดินไทย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
คงต้องยืดอกออกมาร่วมรับผิดชอบในฐานะเจ้าภาพอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
เพราะเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์และการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
การเอาจริงเอาจังในการช่วยเหลือ เด็กขอทานและปราบปรามขบวนการค้ามนุษ์ ที่นำเด็กมาขอทาน เมื่อสักประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมาของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่ปัจจุบันหน่วยงานรัฐที่คอยจับชีพจรปัญหาของสังคมกระทรวงนี้ อาจว่างเว้นและละเลยต่อ ปัญหาการนำเด็กมาขอทาน จึงทำให้ “เด็กขอทาน” เริ่มถูกนำกลับมาแสวงหาผลประโยชน์และผุดเต็มทั่วทุกพื้นที่อีกครั้ง
บทบาทสำคัญของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่สำคัญอีก ประการหนึ่งในการเปิดศูนย์ฮอทไลน์ ชื่อว่า “ศูนย์ประชาบดี” คอย
ทำหน้าที่รับแจ้งปัญหาสังคมต่างๆ รวมทั้งเรื่องเด็กขอทาน
ควรมีบทบาทเชิงรุกมากกว่าการรับแจ้งเพื่อประสานงานไปยังตำรวจท้องที่เกิด
เหตุอีกต่อหนึ่ง
ซึ่งนั่นแทบเป็นการโยนข้อมูลของพลเมืองดีทิ้งลงถังขยะจนแทบไม่มีประโยชน์
ที่ต้องกล่าวเช่นนั้นเพราะว่า
กระบวนการของตำรวจท้องที่เมื่อได้รับแจ้งจากศูนย์ประชาบดี
ส่วนใหญ่จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบและไล่ให้เด็กไปนั่งขอทานที่อื่นนอกพื้นที่รับ
ผิดชอบของ หรือบ่อยครั้งที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาดูที่เกิดเหตุเลย
ซึ่งลักษณะการดำเนินการแบบนี้แทบไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย การปราบปรามขบวนการขอทานจำ
เป็นต้องทำการสืบสวนเก็บข้อมูลมาขยายผลเพื่อเชื่อมโยงคนบงการใหญ่
มิใช่เพียงไล่เด็กให้พ้นหูพ้นตาแล้วนั่งภูมิใจว่าไม่มีขอทานในพื้นที่ที่รับ
ผิดชอบ
รายงานสถานการณ์เด็กขอทานรอบปี 2554
ในปีรอบปี 2554 นี้
ถือได้ว่าสภาพปัญหาการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการขอทานมีความรุนแรงมากกว่า
ปีที่ผ่านมา ปรากฎจากข่าวการช่วยเหลือเด็กขอทานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
รวมเกือบ 20 ข่าวตลอดทั้งปี
ซึ่งในแต่ละครั้งนอกจากจะสามารถช่วยเหลือเด็กขอทานได้เป็นจำนวนมากแล้วยัง
กระจายไปตามจังหวัดต่างๆ อาทิเช่น จังหวัดชลบุรี , ระยอง , เชียงใหม่ ,สุรินทร์ , สมุทรปราการ
และกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
โดยมีทั้งที่เป็นลักษณะของขบวนการค้ามนุษย์รวมถึงการลักพาตัวเด็กไปตระเวนขอ
ทานยังพื้นที่ต่างๆ อีกด้วย
จาก
การดำเนินบทบาทในการเป็นศูนย์รับแจ้งเบาะแสการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการ
ขอทานของโครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา
มีสถิติการรับแจ้งนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 30 พฤศจิกายน 54 สูงถึง 118 ราย โดยนอกจากพื้นที่ที่มีข่าวการกวาดล้างเด็กขอทานตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีจังหวัดภูเก็ต , สุราษฎร์ธานี , อยุธยา , จันทบุรี , ลำพูน
และราชบุรี ซึ่งมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสเข้ามาเช่นเดียวกัน
นั่นยอมแสดงให้เห็นว่าปัญหาเด็กขอทานกระจายตัวออกไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ไทยแล้ว
สำหรับ
ภูมิภาคที่เป็นปลายทางที่สำคัญของขบวนการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการขอทาน
นั้น ต้องยกให้กับภาคตะวันออก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เป็นเมืองเศรษฐกิจ
ประกอบกับการกวาดล้างเด็กขอทานอย่างหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานครต่อเนื่องจาก
ปี 2553 ที่
ผ่านมาด้วยจึงทำให้กลุ่มเด็กขอทานหลั่งไหลเข้าพื้นที่ดังกล่าวในที่สุด
ซึ่งจากการลงพื้นที่ของโครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา
เพื่อรวบรวมข้อมูลปัญหาเด็กขอทานจากหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี
ทำให้ทราบว่ามีนายหน้าที่คอยเรียกรับผลประโยชน์จากขอทานที่จะเข้าไปขอทานใน
พื้นที่ถนนคนเดินพัทยาใต้ (walking street) และ
บริเวณใกล้เคียงด้วย
ซึ่งนายหน้าบางคนยังใช้วิธีการหาเด็กจากประเทศกัมพูชามาปล่อยเช่า
โดยจะนำเด็กพร้อมครอบครัวมาจากประเทศกัมพูชา
จากนั้นก็จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐจับกุม
ซึ่งนายหน้าจะเก็บเด็กไว้เพื่อไม่ให้ถูกจับไปด้วย และนำเด็กมาปล่อยเช่า
ซึ่งการคิดราคานั้นก็กำหนดตามอายุ เช่น หากเด็กอายุ 7 ปี ก็จะมีค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท แต่ถ้าอายุ 10 ปี ก็จะคิดค่าเช่า 10,000 บาท เป็นต้น
แต่
อย่างไรก็ตามในพื้นที่ภาคตะวันออกก็มีการออกมาตรการณ์ในการกวาดล้างเด็กขอ
ทานอย่างหนักเช่นเดียวกัน ภายหลังจากเกิดกรณีการลักพาตัว ด.ญ.ศิรินทิพย์
สำอาง หรือ “น้องพอมแพม” ไป
จากครอบครัวที่จังหวัดสมุทรปราการ
ก่อนที่จะมีพลเมืองดีไปพบขณะกำลังเดินขอทานอยู่ในตลาดแห่งหนึ่งในจังหวัด
ชลบุรี
จึงทำให้เกิดกระแสการกวาดล้างเด็กขอทานอย่างต่อเนื่องโดยหน่วยงานต่างๆ
ในพื้นที่
ซึ่งมิใช่เพียงแค่ในจังหวัดชลบุรีเท่านั้นแต่ที่จังหวัดระยองก็มีข่าวคราว
เกี่ยวกับการจับกุมนายหน้าชาวกัมพูชาที่ลักลอบนำเด็กเข้ามาเป็นเครื่องมือใน
การขอทานเช่นเดียวกัน
โดยมีลักษณะการเช่าห้องพักเพื่อให้กลุ่มขอทานพักอาศัยอยู่รวมกัน
โดยนายหน้าจะพาเด็กออกไปขอทานตามตลาดนัดต่างๆ ในจังหวัดระยอง
และมีการเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มขอทานเพื่อเป็นค่าเดินทางเข้าสู่ประเทศ
ไทย รายละ 3,500 บาท ซึ่งหากใครไม่มีนายหน้าจะหักจากเงินที่ขอทานสามารถหาได้ในแต่ละวัน วันละ 400 บาท โดยการจับกุมในครั้งนี้สามารถช่วยเหลือขอทานที่เป็นเด็กและผู้ใหญ่ได้รวม 15 คน และจับกุมนายหน้าได้ทั้งสิ้น 4 คน
ด้วยกัน และนอกจากนี้โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา
ก็ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามามีบทบาทในการรณรงค์สร้างความ
ตระหนักรู้ต่อคนในสังคมให้เข้าใจถึงวิธีการช่วยเหลือเด็กขอทานอย่างถูกวิธี
อีกด้วย
เนื่องจากเห็นว่าการนำเด็กมาขอทานในประเทศไทยสามารถทำได้อย่างง่ายดายและ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามเด็กขอทานละเลยในการปราบปรามผู้กระทำ
ความผิดอย่างจริงจัง
ใน
ส่วนของปัญหาการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการขอทานที่เข้าข่ายเป็นลักษณะ
กลุ่มขบวนการค้ามนุษย์นั้น โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน
มูลนิธิกระจกเงา ก็พบกรณีการนำเด็กชายอายุ 12 ปี
ที่ร่างกายมีความพิการตาบอดจากประเทศกัมพูชาเข้ามาขอทานในพื้นที่รังสิต
จังหวัดปทุมธานี ซึ่งจากการสัมภาษณ์เด็กขอทานคนดังกล่าว
ภายหลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือออกจากข้างถนนแล้ว
ทำให้ทราบว่าเด็กคนดังกล่าวเคยถูกนำไปขอทานถึงประเทศมาเลเซียมาแล้วก่อนที่
จะเข้ามาขอทานในประเทศไทย ซึ่งในแต่ละวันจะถูกนายหน้าค้ามนุษย์ชาวกัมพูชา 2 คนที่เป็นสามี - ภรรยากัน พาตระเวนออกไปขอทานตามตลาดต่างๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงเช้า ตั้งแต่ 5.00 น. – 14.00 น. และช่วงเย็น ตั้งแต่เวลา 16.00 น. – 21.00 น.
โดยนายหน้าจะใช้วิธียืนขายลูกโป่งบังหน้า เพื่อเฝ้าเด็กขณะนั่งขอทาน
อีกทั้งนายหน้าคนดังกล่าวยังให้ข้อมูลว่าตนเองถูกจ้างวานต่อมาอีกทอดหนึ่ง
โดยในแต่ละเดือนจะได้ค่าตอบแทนประมาณ 6,000 บาท ส่วนรายได้จากการขอทานทั้งหมดจะต้องส่งให้กับผู้จ้างวาน
นอก
จากกรณีการนำเด็กที่มีร่างกายพิการตาบอดจากประเทศกัมพูชาเข้ามาขอทานแล้ว
ยังมีกรณีการลักลอบนำเด็กจากประเทศพม่าเข้ามาขอทานในพื้นที่จังหวัด
เชียงใหม่อีกด้วย
โดยในคดีนี้สามารถช่วยเหลือเด็กขอทานทั้งชายและหญิงได้มากถึง 7 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 3 – 14 ปี โดยมีนายหน้าค้ามนุษย์เป็นชาวพม่าทั้งหมด 3 คน ซึ่งเด็กแต่ละคนจะถูกนายหน้าตระเวนขอทานตั้งแต่เวลา 06.00 – 00.00 น. เป็นประจำทุกวัน หากวันใดไม่สามารถขอทานได้ถึง 500 บาท จะถูกบังคับให้ขอทานต่อจนถึงเวลา 04.00 น. นอกจากนี้เด็กบางคนยังถูกนายหน้าล่วงละเมิดทางเพศอีกด้วย ทั้ง 2 กรณี
นี้
สะท้อนให้เห็นว่าในประเทศไทยมีขบวนการนำเด็กจากประเทศเพื่อนบ้านมาเป็น
เครื่องมือในการขอทานอยู่จริง
อีกทั้งยังมีสภาพปัญหาที่มีความรุนแรงอย่างมาก
ซึ่งทางโครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงาคาดว่า
ยังมีเด็กขอทานที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในลักษณะดังกล่าวนี้อีกเป็นจำนวน
มากและยังรอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
เมื่อ
กล่าวถึงสถานการณ์เด็กขอทานในจังหวัดต่างๆ แล้ว
ก็คงต้องกล่าวถึงพื้นที่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร
เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญ
ซึ่งจากการดำเนินบทบาทในการเป็นศูนย์รับแจ้งเบาะแสเด็กขอทานของโครงการ
รณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา
พบว่าพื้นที่เขตปทุมวันมีสถิติการรับแจ้งสูงที่สุดที่ 14 ราย รองลงมา คือ พื้นที่สุขุมวิท มีทั้งสิ้น 9 ราย ซึ่งทั้ง 2 พื้นที่
นี้ล้วนเป็นเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า
รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวในเวลากลางคืนจึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
และสามารถพบเห็นเด็กขอทานได้ตลอดทั้งวัน
สำหรับ
เส้นทางในการเดินทางเข้ามาของขอทานจากประเทศกัมพูชานั้น
ยังคงเป็นเส้นทางด่านชายแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
เช่นเดิม เนื่องจากมีการพาหนะในการเดินทางเข้าสู่พื้นที่ต่างๆ
ในประเทศไทยได้อย่างสะดวก
ซึ่งเส้นทางนี้มักปรากฏข้อเท็จจริงตามข่าวการกวาดล้างเป็นอยู่ประจำ
แต่ก็มิค่อยมีหน่วยงานใดที่ทำการขยายผลมาจับกุมนายหน้าหรือวางมาตรการณ์ใน
การสกัดกั้นการเข้ามาของขอทานจากประเทศกัมพูชาแต่อย่างใด
จึงทำให้การแก้ไขปัญหาเด็กขอทานในประเทศไทยไม่คืบหน้าไปเท่าที่ควร
เนื่องจากขอทานที่ได้รับการช่วยเหลือมักเดินทางกลับเข้ามาขอทานในประเทศไทย
อีกหลายต่อหลายครั้ง
จากสภาพปัญหาต่างๆ ที่กล่าวมานี้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะยังคงประกาศให้ประเทศไทยอยู่ในระดับ 2.5 (Tier 2 watch list) เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปี 2553 ที่ผ่านมา เนื่องจากประเทศไทยยังคงมีสภาพปัญหาการค้ามนุษย์ที่รุนแรงอยู่นั่นเอง
จากสภาพปัญหาต่างๆ ที่กล่าวมานี้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะยังคงประกาศให้ประเทศไทยอยู่ในระดับ 2.5 (Tier 2 watch list) เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปี 2553 ที่ผ่านมา เนื่องจากประเทศไทยยังคงมีสภาพปัญหาการค้ามนุษย์ที่รุนแรงอยู่นั่นเอง
หาก
มองถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาเด็กขอทานโดยตรงอย่างกระทรวงการพัฒนา
สังคมและความมั่นคงของมนุษย์แล้ว ในปีนี้ถือว่าทางกระทรวงฯ
เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเด็กขอทานน้อยจนน่าใจหาย
เนื่องจากไม่มีการจัดประชุมเพื่อวางแผนหรือกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาเด็ก
ขอทานแต่อย่างใด
มีเพียงการจัดทำสื่อรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อคนในสังคมเกี่ยวกับ
การช่วยเหลือเด็กขอทานเพียงประการเดียวเท่านั้น
ซึ่งอาจเนื่องมาจากมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนใหม่
จึงทำให้การทำงานในการแก้ไขปัญหาเด็กขอทานไม่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
เมื่อวิเคราะห์จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรอบปี 2554 นี้ ทางโครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา คาดว่าสถานการณ์เด็กขอทานในปี 2555 จะ
ยังคงมีสภาพปัญหาที่มีความรุนแรงเช่นเดิม
ซึ่งมีประเด็นที่ต้องติดตามต่อไปว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ
มนุษย์จะเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเด็กขอทานอย่างเป็นรูปธรรมมากน้อย
เพียงใด
นอกจากนี้หน่วยงานที่ทำการปราบปรามเด็กขอทานจะมีการเพิ่มงานรณรงค์เพื่อ
สร้างความตระหนักรู้แก่คนในสังคมเข้ามาในภารกิจของหน่วยงานบ้างหรือไม่
เนื่องจากการปัญหาเด็กขอทานมีความสลับซับซ้อนและเกี่ยวพันกับรายได้ของเด็ก
ขอทานที่มีมูลค่าสูงมากในแต่ละวัน
ดังนั้นการเปลี่ยนทัศนคติของคนในสังคมให้เปลี่ยนพฤติกรรมการให้เงินกับเด็ก
ขอทานเป็นการแจ้งเบาะแสแทน
จึงจะเป็นการแก้ไขปัญหาเด็กขอทานได้อย่างยั่งยืนที่สุด
ชมวีดีโอคลิป
ชมวีดีโอคลิป
ท้าย
สุดแล้ว การจัดการปัญหาเด็กขอทาน เป็นภารกิจและหน้าที่ของทุกคน
ที่จะช่วยกันปกป้องเด็กของสังคมมิให้ต้องตกเป็นเครื่องมือของผู้ใหญ่ใจร้าย
ที่คอยแต่จะกัดกินผลประโยชน์จากชีวิตน้อยๆ อยู่ร่ำไป
“การประมง” ถือ
ว่าเป็นธุรกิจภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศอย่างมหาศาล
เป็นผลให้ความต้องการจำนวนแรงงานเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจประมงและ
อุตสาหกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ประมง มีเพิ่มสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน
สภาพการทำงานของอุตสาหกรรมประมงถือว่าเป็นงานที่หนัก$$และ
เสี่ยงอันตราย ประกอบกับต้องออกทะเลเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน
จึงทำให้แรงงานไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะปฏิเสธงานในลักษณะดังกล่าว
เป็นผลให้ส่วนใหญ่ธุรกิจประมงนอกน่านน้ำเกิดวิกฤติขาดแคลนแรงงาน
จึงต้องอาศัยการนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งแบบมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายและแบบหลบหนีเข้าเมือง
ซึ่งตรงจุดนี้เองทำให้ธุรกิจดังกล่าวมีการเอาเปรียบแรงงานในเรื่องของค่า
จ้างและการใช้ความรุนแรงในการบังคับใช้แรงงาน
โดยที่แรงงานส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะต้องทนจำยอมและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการดำเนินงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิ
กระจกเงา
พบว่ามีการหายตัวไปของคนในสังคมหลายกรณีที่เชื่อมโยงกับการล่อลวงและลักพา
ตัวเพื่อนำมาขายและบังคับเป็นแรงงานทาสบนเรือประมง
โดยข้อเท็จจริงจากปากคำของผู้เสียหายให้ข้อมูลตรงกันว่า
ถูกบังคับให้ต้องทำงานบนเรือประมงในลักษณะงานที่หนัก และพักผ่อนมาเป็นเวลา
โดยเมื่อไม่สามารถปฏิบัติงานหรือทำตามคำสั่งของผู้ควบคุมเรือได้
ก็จะถูกทำร้ายและทุบตีอย่างทารุณ
ตลอดจนการทำงานบนเรือประมงหลายลำไม่มีสวัสดิการดูแลเมื่อเจ็บป่วยและไม่มี
ความปลอดภัยในการทำงาน ทั้งนี้ ผู้เสียหายในกรณีดังกล่าว
ให้ข้อมูลตรงกันว่า
ยังมีแรงงานเยี่ยงทาสบนเรือประมงที่ถูกล่อลวงและลักพาตัวอีกจำนวนมากที่ไม่
สามารถหนีรอดออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือได้
อันเป็นผลให้เกิดการตั้งข้อสมมุติฐานว่าปริมาณของแรงงานประมงที่ถูกล่อลวง ลักพาตัว และไม่สมัครใจในการทำงานนั้น น่าจะมีเป็นจำนวนมาก และขบวนการค้ามนุษย์ดัง
กล่าว น่าจะมีลักษณะของการทำงานในแบบเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกัน
โดยเริ่มจากนายหน้า ผู้นำพา
และผู้ประกอบการที่รับซื้อแรงงานเหล่านี้เพื่อบังคับใช้งาน
ซึ่งปัญหาดังกล่าวมิได้ถูกหยิบยกขึ้นเป็นประเด็นสาธารณะในอันที่จะได้รับการ
แก้ไขปัญหาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
สภาพปัญหาการล่อลวงและลักพาตัวแรงงานในธุรกิจแรงงานทาสบนเรือประมงนั้น
มีหลายหน่วยงานที่ควรมีบทบาทและหน้าที่โดยตรงในการร่วมกันป้องกันและแก้ไข
ปัญหาดังกล่าว ทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่าปัญหาดังกล่าวยังไม่ได้รับการหยิบยกเป็นประเด็นทาง
สังคมในวงกว้าง
ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขาดความเข้าใจในประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงและ
ไม่สามารถเข้าถึงการแก้ไขปัญหาในระดับนโยบายได้
ลักษณะการล่อลวงแรงงานในธุรกิจประมง
• การล่อลวง
ลักษณะการล่อลวงคนเพื่อมาบังคับใช้เป็นแรงงานในเรือประมงนอกน่านน้ำนั้น
ส่วนใหญ่จะมีนกต่อหรือนายหน้าเข้ามาตีสนิทกับเหยื่อ
ส่วนใหญ่จะมาเสนองานให้ทำโดยมีค่าตอบแทนสูงเพื่อเป็นสิ่งจูงใจโดยจะเริ่มจาก
การเข้ามาชวนพูดคุยเรื่องทั่วไปและจึงชักชวนไปทำงานซึ่งอาจจะใช้เวลาเป็น
ชั่วโมงในการหว่านล้อม นอกจากนี้ยังมีวิธีการออกอุบาย เช่น
นายหน้ามักจะทำทีโทรศัพท์มือถือคุยกับพรรคพวกของตนเอง
โดยอ้างกับเหยื่อว่ากำลังคุยกับนายจ้างที่จะพาไปฝากงาน
และให้เหยื่อคุยโทรศัพท์เพื่อตกลงราคาค่าจ้างกันด้วย
ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้เหยื่อไว้วางใจและยอมที่จะเดินทางไปด้วย
หรือไม่นายหน้าจะมาลักษณะของรถรับจ้างสาธารณะ
ที่จะหลอกพาผู้เสียหายไปสมัครงานตามที่ต่างๆ
เพื่อแลกกับค่าหัวคิวที่จะได้รับจากขบวนการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ หลายกรณีนายหน้ามักสนทนากับผู้เสียหายด้วยภาษาถิ่นเดียวกันเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อใจว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน
นอกจากนี้การล่อลวงแรงงานในธุรกิจประมงยัง มีการใช้กลวิธีติดประกาศรับสมัครงานตามสถานีขนส่งและสวนสาธารณะต่างๆ อีกด้วย ทั้งนี้ หากเหยื่อติดต่อกลับไปเพื่อสมัครงาน จะพบว่า งานที่ระบุไว้ในประกาศจะเต็มแล้ว โอกาสนี้เองที่ขบวนการค้ามนุษย์จะชักชวนว่า มีงานอื่นๆ ที่รายได้ดี เหมือนกัน และจะล่อลวงเหยื่อลงเรือประมงในที่สุด
นอกจากนี้การล่อลวงแรงงานในธุรกิจประมงยัง มีการใช้กลวิธีติดประกาศรับสมัครงานตามสถานีขนส่งและสวนสาธารณะต่างๆ อีกด้วย ทั้งนี้ หากเหยื่อติดต่อกลับไปเพื่อสมัครงาน จะพบว่า งานที่ระบุไว้ในประกาศจะเต็มแล้ว โอกาสนี้เองที่ขบวนการค้ามนุษย์จะชักชวนว่า มีงานอื่นๆ ที่รายได้ดี เหมือนกัน และจะล่อลวงเหยื่อลงเรือประมงในที่สุด
• การลักพาตัว/ทำให้หมดสติ
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากปากคำของผู้เสียหายมีกรณีการป้ายยา/โปะยาสลบ
ในห้องน้ำบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต (ขาเข้า) โดยกลุ่มมิจฉาชีพ จะเดินตาม
และเดินสวนทางกันในห้องน้ำ จากนั้น เหยื่อจะสลึมสะลือ และหมดสติลง
ตื่นขึ้นมาอีกทีจะอยู่บนเรือประมงแล้ว
อีกกรณีเป็นการใช้สารเสพติดประเภทสุราและยานอนหลับผสมกาแฟ หรือเครื่องดื่ม
ให้เหยี่อดื่มแล้วหมดสติ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเข้าทำทีมาตีสนิทกับผู้เสียหาย
จากนั้นจะชักชวนผู้เสียหายให้ดื่มน้ำ หรือสุรา หรืออาหารที่เตรียมมา
เมิ่อผู้เสียหายรับประทานเข้าไปจะหมดสติ
และถูกนำไปขายต่อให้เรือประมงในที่สุด ข้อเท็จจริงไม่แน่ชัดว่าเหยื่อโดยยาชนิดไหน และวิธีการอย่างไร เพราะเหยื่อไม่ได้สติ
• ร้านคาราโอเกะ
ข้อมูลจากในพื้นที่จังหวัดสงขลา พบว่ามีการล่อลวงผู้เสียหาย
ให้เข้าไปใช้บริการใน ร้านคาราโอเกะ จากนั้น
ให้ผู้เสียหายดื่มกินสุราและใช้บริการจากหญิงบริการได้อย่างเต็มที
จนในที่สุดเมื่อผู้หายเมาจนหมดสติ จะถูกจับขังไว้บนร้านคาราโอเกะ
เพื่อส่งต่อลงเรือประมง
หรืออีกกรณีจะให้ผู้เสียหายดื่มกินสุราและใช้บริการจากหญิงบริการได้อย่าง
เต็มที่เช่นกัน แต่เมื่อมีการคิดเงินค่าใช้บริการทั้งหมด
จะมีราคาสูงเกินจริงเป็นหมื่นๆ บาท ทำให้เมื่อผู้เสียหายไม่มีเงินจ่าย
ก็ต้องลงเรือประมงเพื่อใช้หนี้
กลุ่มเป้าหมาย
เหยื่อที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของขบวนการค้ามนุษย์ใน
ลักษณะนี้ ส่วนใหญ่ มิจฉาชีพจะเลือกเหยื่อที่เพิ่งเคยเดินทางมากรุงเทพฯ
เป็นครั้งแรก ซึ่งอาจจะเข้ามาหางานทำ หรือไม่มีจุดหมายปลายทางในการเดินทาง
โดยจะเลือกเหยื่อที่นั่งอยู่ในสถานีขนส่งเป็นเวลานาน เพราะไม่มีที่ไป
เป็นต้น
เหยื่อ
ที่ท่าทางซื่อ และไม่คุ้นเคยกับสถานที่
จะทำให้มิจฉาชีพเข้ามาตีสนิทและชักชวนไปทำงานได้ง่าย
ส่วนใหญ่จะเป็นประชาชนที่เดินทางมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
เหยื่อที่จะถูกล่อลวงหรือลักพาตัวไปจะมีอายุตั้งแต่ 15 – 45 ปี ทั้งหมดเป็นเพศชาย
สถานที่ควรเฝ้าระวังในการถูกล่อลวง
-สถานีขนส่งหมอชิต
-สถานีขนส่งสายใต้ใหม่
-สถานีรถไฟหัวลำโพง
-สนามหลวง
-วงเวียนใหญ่
-สถานีขนส่งสายใต้ใหม่
-สถานีรถไฟหัวลำโพง
-สนามหลวง
-วงเวียนใหญ่
พื้นที่ควรเฝ้าระวังในการนำเข้าแรงงานประมง
-ปากน้ำ สมุทรปราการ
-ท่าเรือมหาชัย สมุทรสาคร
-ท่าเรือเมืองสงขลา -ท่าเรือมหาชัย สมุทรสาคร
-ท่าเรือปัตตานี
ชมคลิบวีดีโอ
แนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์(จากความคิดเห็นของสมาชิกกลุ่ม)
ตนเอง
-ต้องดูแลตัวเอง รักในศักดิ์ศรีของความเป็นคน ต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตน
-ต้องคิดอย่างรอบคอบ คิดอย่างมีเหตุมีผลก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป ต้องเข้าใจตนเองให้มากที่สุด
-ผู้หญิงจะต้องรักนวลสงวนตัว รู้เท่าทันภัยใกล้และไกลตัว รู้จักวิธีการป้องกันต้องเองจากภัยอันตราย
-จะต้องไม่เชื่อคนง่าย ไม่หูเบา จะฟัง จะเชื่อ จะคิดอะไรจะต้องคิดถึงผลที่จะตามมาด้วยเสมอ
-ผู้ชายจะต้องให้เกียรติผู้หญิง ต้องมีจิตสำนึกในความเป็นสุภาพบุรุษ
-ควรจะเลือกสนใจในค่านิยมที่ดีดีไม่ผิดต่อศีลธรรมจรรยา และถูกต้องตามกฎข้อบังคับของสังคม
ครอบครัว
-ต้อง
ดูแลเอาใจใส่สมาชิกในครอบครัว
ให้ความรักความอบอุ่นและพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้แก่กันและกันโดยไม่ตำหนิ
ติเตียนดุด่าหากคนใดคนหนึ่งทำผิดพลาดไป
ควรจะเปลี่ยนจากคำดุด่าเป็นคำแนะนำและกำลังใจให้แก่กันและกัน
-สมาชิกแต่ละคนในครอบครัวจะต้องรับผิดชอบในหน้าที่ที่ตนได้รับทั้งในฐานะสมาชิกในครอบครัวและสังคม จะต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
-ควรจะยึดถือวัฒนธรรม “การมีผัวเดียวเมียเดียว” เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในครอบครัว
สถานศึกษา
-ควรมอบการศึกษาให้แก่ผู้เรียนอย่างถูกต้อง เต็มที่ และเท่าเทียมกัน
-ควรดูแลเอาใจใส่ผู้เรียนให้รู้จัก ผิดถูกชั่วดี ในการใช้ชีวิตอย่างถูกทำนองคลองธรรม
-ควรแนะนำวิถีการดำเนินชีวิตที่ถูกศีลธรรมจรรยา และไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง ครอบครัวและสังคม
-ควร
แนะนำการประกอบอาชีพที่สุจริต
ที่ไม่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมืองและจะต้องเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้แก่ผู้เรียนที่
เกิดปัญหาในชีวิตได้อย่างถูกต้อง
-ควร
ปลูกฝังค่านิยมที่ดี ให้แก่ผู้เรียน
ควรจะสร้างจิตสำนึกในการเคารพสิทธิของผู้อื่นให้เกิดขึ้น
รวมถึงการสร้างให้เกิดจิตสำนึกในเรื่องการให้เกียรติเพศตรงข้าม
การเห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่นโดยการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ศาสนา
-ขัดเกลาจิตใจของประชาชนให้รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักบาปบุญคุณโทษ
-ปลูกฝังจิตสำนึกประชาชนให้เกิดการเห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์ทุกชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน
-น้อมนำให้ประชาชนในสังคมใช้ชีวิตอย่างมีเหตุมีผล โดยยึดหลักธรรมทางศาสนามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต
-ควรเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่บุคคลที่ประสบปัญหาชีวิตได้ โดยการใช้ธรรมะในการบำบัด
หน่วยงานของรัฐ
-ในด้านมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รัฐบาลมีการออกพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ 2551 โดยประกาศใช้เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2551
ซึ่งเป็นกฎหมายที่บังคับใช้กับการค้ามนุษย์เป็นการเฉพาะ
และมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองบุคคลที่เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
และปราบปรามองค์กรอาชญากรรมที่แสวงหาผลประโยชน์จากมนุษย์ด้วยกัน
-รัฐ
จะต้องใช้นโยบายการบริหารประเทศที่ทำให้การครองชีพการเป็นอยู่ของประชาชน
ทุกระดับชั้นในสังคมมีมาตราฐานและดีขึ้นรวมถึงการเข้มงวดในด้านกฎหมายอย่าง
เคร่งครัดไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่างทางกฎหมายที่จะทำให้เกิดการทำผิดกฎหมาย
-รัฐ
จะต้องสนับสนุนการศึกษาให้เกิดความเท่าเทียมกันในทุกระดับชั้นของประชาชนใน
สังคมจะต้องสอดส่องดูแลความต้องการในปัจจัยพื้นฐานชีวิตของประชาชนในทั่วทุก
ภาคโดยกระจายให้เกิดความกินดีอยู่ดีอย่างเท่าเทียมเพื่อไม่ให้เกิดการเลื่อม
ล้ำ
-กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม
กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จะต้องตระหนักและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังโดยจะต้องไม่ปล่อยให้
เกิดช่องว่างในการควบคุมป้องกัน และจะต้องยึดกฎหมายเป็นสำคัญ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการค้ามนุษย์ คัดจาก: http://daranee-ruangjan.blogspot.com/2012/01/blog-post.html?showComment=1396085863501#c2634683637277057890
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น