วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พันแสงรุ้ง : ที่นี่สุคิริน (19 ส.ค. 2555)


พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่มีหลายหมู่บ้าน หลายชุมชนเป็นสังคมแบบพหุวัฒนธรรม ชาวบ้านอยู่ร่วมกันอย่างแตกต่างหลากหลาย อ.สุคิริน จ.นราธิวาส เป็นอำเภอเล็กๆอยู่ติดชายแดนไทย มาเลเซีย ที่นั่นได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่แห่งผู้คนที่แตกต่าง ทั้งคนมุสลิม คนใต้ คนอีสาน คนภาคกลาง คนภาคเหนือ คนไทยกลันตัน พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างไรอย่างมีความสุข และโรงเรียนประจำอำเภอซึ่งรวมเด็กนักเรียนอันแตกต่างหลากหลาย จัดการเรียนการสอนแบบไหนที่ทำให้เด็กๆอยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจ ติดตามชมรายการพันแสงรุ้ง ตอน ที่นี่สุคิริน วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคมนี้ 2555 เวลา 16.05 - 16.30 น. และรับชมทีวีออนไลน์ได้ทาง www.thaipbs.or.th/Live

อ้างถึง
: http://clip.thaipbs.or.th/home.php?vid=2218&ap=flase

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Selamat Buddy ASEAN Community 2012

โครงการ Selamat Buddy
อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
สามารถสร้างทีมงานในพื้นที่
เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558
ร่วมกับ อำเภอเยอลี รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย


ความรู้ทางวิชาการที่ใช้ในการดำเนินการ
1. การพัฒนาชุมชน
2. พิธีการทูต (Diplomatic protocol) และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relations)
3. รัฐประศาสนศาตร์และเศรษฐศาสตร์
4. เทคโนโลยีสารสนเทศ
5. ภาษามลายูและภาษาอังกฤษ

แนวความคิดที่ใช้ในการดำเนินการ
ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ประกอบด้วย 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย (2510) สิงคโปร์ (2510) อินโดนีเซีย (2510) มาเลเซีย (2510) ฟิลิปปินส์ (2510) บรูไน (2527) เวียตนาม (2538) ลาว (2540) พม่า (2540) กัมพูชา (2542) มีประชากรรวมกันประมาณ 570 ล้านคน มีขนาดเศษฐกิจที่โตมาก
ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2552 ผู้นำอาเซียนได้ลงนามรับรองปฏิญญาชะอำ หัวหิน ว่าด้วยแผนงานจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ค.ศ. 2009-2015) เพื่อจัดตั้งประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 (ค.ศ.2015) ร่นเวลาจากปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) ที่เป็นข้อตกลงเดิมในเดือนตุลาคม 2546 ผู้นำอาเซียนได้ร่วมลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมืออาเซียน เรียกว่า ข้อตกลงบาหลี 2 เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา อัตราการเติบโตและการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของจีนและอินเดียสูงมาก ประชาคมอาเซียนประกอบด้วย 3 เสาหลัก (pillars) ซึ่งถือเป็นกฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter) ดังนี้
1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Security Community – ASC) มุ่งให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีระบบแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกันได้
2.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) มุ่งให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ และการอำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน
3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-CulturalCommunity – ASCC) มุ่งให้ประชาชนในภูมิภาคอยู่ร่วมกันภายใต้แนวคิดสังคมที่เอื้ออาทร มีสวัสดิการทางสังคมที่ดี และมีความมั่นคงทางสังคม
อำเภอสุคิรินเป็นอำเภอชายแดนติดกับอำเภอเยอลี รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน ปี 2558 และต้องการพัฒนาศักยภาพของประชาชนในพื้นที่ให้ทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ สหพันธรัฐมาเลเซีย (Republic of Malaysia)
เนื่องจากความเป็นประชาคมอาเซียน ปี 2558(ASEAN Community 2015) เกี่ยวข้องโดยตรงกับชุมชน (Community) อำเภอสุคิริน จึงใช้การพัฒนาชุมชน (Community Development) ในการเตรียมความพร้อมประชาชน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ และให้ประชาชนมีความรู้สึกเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาร่วมกัน (Collaborative Partnership)
การสร้างทีมงานอำเภอเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558
1. ระยะเวลาการสร้างทีมระดับอำเภอตั้งแต่ 18 พฤศจิกายน 2554
2. สาระและขั้นตอนการดำเนินการ
1) ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
2) บันทึกข้อตกลง (MoU: Memorandum of Understanding) และกำหนดบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ อาทิเช่น ฝ่ายติดต่อประสานงานและล่าม ฝ่ายจัดการด้านกีฬา ฝ่ายจัดการด้านอาหาร ฝ่ายต้อนรับและล่าม พิธีกร ฯลฯ เป็นต้น
3) นายอำเภอออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอย่างเป็นทางการ 2 คณะ ได้แก่
(1) คณะกรรมการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเป็นประชาคมอาเซียนปี 2558
(2) คณะอนุกรรมการเตรียมความพร้อมด้านข้อมูลและสารสนเทศ
4) เตรียมข้อมูลที่ต้องการประชุมหารือ
5)เตรียมนักกีฬา (เมื่อมีการเล่นกีฬานัดกระชับมิตร)
6) ประสานกำหนดการที่แน่นอน และแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
7) นัดเวลาเดินทาง ในกรณีเดินทางไปอำเภอเยอลี หรือนัดเวลาต้อนรับ ในกรณีคณะจากอำเภอเยอลี เดินทางมาเยี่ยม
8) สรุป/ประเมินผล เสนอผู้บังคับชาทราบอย่างเป็นทางการ/ไม่เป็นทางการ
9) จัดทำโครงการขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ อาทิเช่น การจัดการแข่งขันกีฬานัดกระชับมิตร การเตรียมความพร้อมของประชาชน ฯลฯ เป็นต้น

ผลสำเร็จของงาน (เชิงปริมาณ/คุณภาพ)

อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ได้มีการเดินทางไปมาหาสู่เชื่อมสันถวไมตรีมาตลอด เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทางการของอำเภอเยอลี รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย มาโดยตลอด อาทิเช่น

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2554 YABrs Haji Abd. Manan Bin Ali นายอำเภอเยอลีและคณะ จำนวน 43 คน ได้เดินทางมาเยี่ยมอำเภอสุคิริน และมีการเล่นกีฬาฟุตบอลนัดกระชับมิตร

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 นายสาโรช กาญจนพงศ์ นายอำเภอสุคิรินและคณะ ประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอและเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 37 คน ได้เดินทางไปเยี่ยมอำเภอเยอลี เพื่อประชุมหารือแบบทวิภาคีกับอำเภอเยอลีมีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุมหารือ ในสัดส่วนหรือจำนวนและตำแหน่งที่เท่ากันกับเจ้าหน้าที่ของอำเภอสุคิริน โดยฝ่ายอำเภอสุคิรินเป็นฝ่ายตั้งประเด็น (Points of discussion) ไว้ ดังนี้

1. How to build strong and long lasting relationship between Jeli and Sukhirin?
2. How to learn from each others experiences and approaches?
3. How to progress in educationaleconomical and social aspects
4. The “re-opening of Kalai-Phukhao Thong border”? That will Promote Free day Market which will give chance to our people to have easy trade andit will also promote tourism in this area absence of which is really a big drawback.
ข้อสรุปจากการดำเนินการเบื้องต้น
ประเด็นที่ 1 คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างอำเภอเยอลีและอำเภอสุคิริน ซึ่งทางการอำเภอเยอลี จะมาเยี่ยมอำเภอสุคิรินเป็นการตอบแทนในเดือนพฤษภาคม 2555
ประเด็นที่ 2 และ 3 คือ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อคิดเห็น ซึ่งมีประเด็นหารือเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษา เศรษฐกิจ และสังคม สำหรับการศึกษาทางอำเภอเยอลีไม่สามารถที่จะแลกเปลี่ยนนักศึกษาได้ แต่สามารถที่แลกเปลี่ยนด้านการพัฒนาหลักสูตรและรูปแบบการสอน และการนำนักศึกษาไปดูงาน และอาจจัดเป็นการจัดค่ายร่วมกันได้ ซึ่งจะต้องมีการหารือเป็นการเฉพาะ ส่วนด้านเศรษฐกิจ ทางอำเภอเยอลีสนใจในความสามารถด้านหัตถกรรมของอำเภอสุคิริน ซึ่งทางอำเภอสุคิรินจะมีฝีมือในการทำเฟอร์นิเจอร์หวาย การสลักบานประตู การทำโต๊ะเก้าอี้จากเศษไม้ ส่วนอาหารก็จะมีกล้วยฉาบ กล้วยกรอบ และขนมอื่น ๆ มีพืชผักและผลไม้ตามฤดูกาล ทางด้านสังคมก็จะมีการจัดกิจกรรมและเดินทางไปเยี่ยมเยียนของพี่น้องและเจ้าหน้าที่ราชการของทั้ง 2 อำเภอ และจะมีการหารือเรื่องสัตว์ป่าและป่าไม้
ประเด็นที่ 4 การพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนโดยการจัดทำตลาดนัดฟรีเดย์ การขายสินค้าชุมชน (OTOP) ส่วนการเปิดจุดผ่อนปรนบ้าน Kalai (อำเภอเยอลี) บ้านภูเขาทอง (อำเภอสุคิริน) ทางอำเภอเยอลีแนะนำให้จุดเฝ้าตรวจมาตั้งประชิดชายแดนตรงที่จะเปิดจุดผ่อนปรน เพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทั้ง 2 ฝ่าย สามารถสร้างความสนิทสนมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการที่จะเปิดด่านหรือจุดผ่อนปรนได้นั้นต้องหารือในข้อมูลอื่น ๆ ของทั้ง 2 ฝ่าย และเสนอผ่านสภาความมั่นคงของประเทศมาเลเซีย และของประเทศไทยจะต้องเตรียมข้อมูลดังต่อไปนี้
1) ปริมาณการค้าและการเดินทางเข้า – ออก ของบุคคล
2) ความพร้อมด้านการคมนาคม
3) ความพร้อมของส่วนราชการและหน่วยงานดูแลและปฏิบัติงาน
4) ความตกลงใจในระดับนโยบายรัฐบาล
5) เป็นจุดซึ่งไม่มีปัญหาต่าง ๆ ที่กระทบต่อความมั่นคง
6) พิจารณาจุดด้านอื่น ๆ ประกอบ
ตามข้อตกลงในประเด็นที่ 1 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2555 ได้มีการเชื้อเชิญข้าราชการและเจ้าหน้าที่อำเภอเยอลีมาเยี่ยมชมและร่วมกิจกรรมงานประเพณีบุญบั้งไฟ ณ บ้านไอกาเปาะ หมู่ที่ ๔ ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส โดยมี Tn. Haji Nik Mohd Azlan bin Abd. Hadi รองนายอำเภอเยอลีและคณะ จำนวน 30 คน เดินทางมาอำเภอสุคิริน และมีการเชื้อเชิญเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย โดยที่เลขาธิการ ศอ.บต. ได้มอบให้ นายวิเชียร จันทรโณทัย รองเลขาธิการ ศอ.บต. มาร่วมงานแทน และผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้มอบให้ นายสามารถ วราดิศัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส มาร่วมงานแทน หลังจากร่วมกิจกรรมงานประเพณีบุญบั้งไฟ คณะได้เดินทางไปยังบริเวณด่านบ้านภูเขาทอง (ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส) – บ้านกาไล (ต.บาตูมือเล็นตัง อ.เยอลี รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย) เพื่อร่วมหารือถึงความเป็นไปได้ในการเปิดจุดผ่อนปรนหรือด่านถาวรรองรับประชาคมอาเซียน ปี 2558 การค้าชายแดนสินค้าชุมชน (OTOP) และสินค้าทั่วไป การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการแลกเปลี่ยนทางด้านการศึกษา อย่างไม่เป็นทางการ
ดังนั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 อำเภอชายแดน มีความสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น อำเภอได้จัดทำ ดังต่อไปนี้
1) โครงการสื่อสัมพันธ์และเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติ 2 อำเภอชายแดน” โดยจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นเงิน 176,900 บาท
2) กรมการพัฒนาชุมชนสนับสนุนโครงการ “ลงแขกลงแรงพัฒนาหมู่บ้านของเรา (บูวะปากะกำปงกีตอ)” เป็นเงิน 50,000 บาท เพื่อเตรียมความพร้อมศูนย์เรียนรู้แบบเกื้อกูลรองรับการเปลี่ยนแปลงของประชาคมอาเซียน
การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
จากผลการปฏิบัติงาน “การสร้างทีมงานเตรียมความพร้อมรองรับประชาคมอาเซียน ปี 2558 ของ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส” สามารถนำมาประยุกต์ใช้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมประชาชน องค์กร เครือข่ายองค์กรประชาชนในพื้นที่ อาทิเช่น
1. การเตรียมความพร้อมด้านการจัดการข้อมูลของหน่วยงานและชุมชน[1] และข้อมูลสินค้าชุมชน (OTOP)[2] ของจังหวัดนราธิวาส
2. การพัฒนารูปแบบอื่นเพื่อให้เกิดการกระชับมิตรกับอำเภอชายแดน (Neighborhood bordering district) ซึ่งคาดว่าจะเกิดการพึ่งพาด้านการพัฒนาชุมชนในรูปแบบ win-win situation ได้แก่ การพัฒนาท่องเที่ยวชุมชน การค้าสินค้าชุมชน (OTOP) การพัฒนาการศึกษาและวัฒนธรรมชุมชน ฯลฯ เป็นต้น
ความยุ่งยากในการดำเนินการ/ปัญหา/อุปสรรค
การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 อ.สุคิริน จ.นราธิวาส เป็นงานที่เกี่ยวข้องการสร้างสันถวไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งผู้ปฎิบัติงานจะต้องเรียนรู้ถึงธรรมเนียมปฏิบัติ มีความระมัดระวังในการเจรจาและการบริหารความรู้สึก ต้องรู้เขารู้เรา ต้องมีศาสตร์และศิลป์ในการปฏิบัติหน้าที่ ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน อีกทั้งต้องนำเรียนให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบถึงความก้าวหน้าไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ และต้องยกระดับการเชื่อมสัมพันธ์และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ จนถึงระดับชาติ จึงมีความยุ่งยากและต้องอาศัยความอดทน เสียสละ ความกล้า (brave) ที่จะก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดและคาดไม่ถึง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
ข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ
การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 หากไม่ได้เริ่ม ณ บัดนี้แล้ว คาดว่าประชาชนของเราอาจไม่เท่าทันชาติอื่น ๆ ของอาเซียน โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้านมาเลเซีย ซึ่งมาเลเซียมีความพร้อมมากกว่าเราเกือบทุก ๆ ด้าน และต้องขอขอบพระคุณกรมการพัฒนาชุมชนและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ให้งบประมาณมาสนับสนุนการเตรียมความพร้อมเป็นการเบื้องต้น จึงใคร่ขอนำเสนอว่า กรมการพัฒนาชุมชน และ ศอ.บต. น่าจะมียุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 ด้วยรูปแบบ “การพัฒนาชุมชน”

บทวิเคราะห์/แนวความคิด
ความเป็นประชาคมอาเซียน ปี 2558(ASEAN Community 2015) เกี่ยวข้องโดยตรงกับชุมชน คือ คำว่า Community และต้องการการมีส่วนร่วม (หลักการพัฒนาชุมชน) จากทุกภาคส่วนสูง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้แนวความคิดการพัฒนาชุมชน (Community Development) ในการเตรียมความพร้อมประชาชน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ และให้ประชาชนมีความรู้สึกความเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาร่วมกัน (Collaborative Partnership) ซึ่งการพัฒนาใด ๆ ก็จะไม่สำคัญเท่ากับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะไม่ครอบคลุมเท่ากับการพัฒนาชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน ด้วยหลักหรือเทคนิควิธี “การพัฒนาชุมชน”[3
ข้อ

ค้นพบ/ตัวชี้วัดหลัก
การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 อย่างมั่นใจและเท่าทันประเทศอื่นในอาเซียน ได้ค้นพบและเห็นควรดำเนินการตามตัวชี้วัด KUASA (กัวซา)[4] กล่าวคือ
1) K = Knowledge (ความรู้) คือ ต้องมีความรู้เรื่องอาเซียนหรือประเทศอาเซียนหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอาเซียนอย่างแท้จริง จนกระทั่ง รู้เขารู้เรา
2) U = Understanding (มีความเข้าใจ) คือ ต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง วิคราะห์/สังเคราะห์ปรากฎการณ์เกี่ยวกับอาเซียนได้ สามารถศึกษาเปรียบเทียบประโยชน์และผลกระทบ (Comparative Advantage) ของการเป็นประชาคมอาเซียนได้
3) A = Attitude (ทัศนคติ) คือ ต้องมีการปรับทัศนคติให้เป็นเชิงบวกต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หากมีทัศนคติเชิงลบ ก็ไม่สามารถเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนได้ตั้งแต่ต้น
4) S = Skill (ทักษะ) คือ การทำงานเกือบทุกด้านหรือการใช้ภาษาต้องมีทักษะ ซึ่งต้องใช้เวลาในการพัฒนา มิฉะนั้น การพัฒนาบุคคลจะได้เพียงแค่ให้เรียนรู้เพื่อรู้ แต่ปฏิบัติงานไม่ได้
5) A = Action (ลงมือปฏิบัติ) คือ ความคิดทุกความคิด ย่อมไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จ ตามเป้าประสงค์ได้ หากปราศจากการปฏิบัติให้เกิดเป็นมรรคผล


[3] 1) Non-directive approach, 2) Self-help, 3) People participation, และ 4) Collaborative Partnership
[4] KUASA เป็นภาษามลายู แปลว่า พลัง (Power), ศักยภาพ (Potential), ความสามารถ, ทำได้, แข็งแรง (Strong)

TAKBIR EIDUL FITREE (FULL LENGTH)


วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สอนให้ประหยัด

ต้นฉบับที่แต่งโดยสุนทรภู่
มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน
ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน
เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดรันทดใจ

Gustave Flaubert

The art of writing is the art of discovering what you believe. Gustave Flaubert

Jules Renard

Writing is the only profession where no one considers you ridiculous if you earn no money.

Jules Renard

วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประชุม LDI เดือนสิงหาคม ๒๕๕๕

วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๕ มีการประชุมประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ ทั้ง Block Grant และ PPF ณ สำนักงาน LDI ปัตตานี







วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันเข้าพรรษา




วันเข้าพรรษา หรือ การเข้าพรรษา เป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์โดยเฉพาะ ซึ่งพุทธศาสนิกชนถือเป็นโอกาสอันดีที่จะบำเพ็ญกุศลแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษาและตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อละเว้นสิ่งไม่ดีเพื่อพยายามประกอบความดีในช่วงนี้อีกด้วย 
วันเข้าพรรษา (บาลี: วสฺส, สันสกฤต: วรฺษ, อังกฤษ: Vassa) เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า จำพรรษา ("พรรษา" แปลว่า ฤดูฝน, "จำ" แปลว่า พักอยู่) พิธีเข้าพรรษานี้ถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์โดยตรง ละเว้นไม่ได้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม การเข้าพรรษาตามปกติเริ่มนับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี (หรือเดือน 8 หลัง ถ้ามีเดือน 8 สองหน) และสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา
วันเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8) หรือเทศกาลเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) ถือได้ว่าเป็นวันและช่วงเทศกาลทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญเทศกาลหนึ่งในประเทศไทย โดยมีระยะเวลาประมาณ 3 เดือนในช่วงฤดูฝน โดยวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจากวันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8) ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งพระมหากษัตริย์และคนทั่วไปได้สืบทอดประเพณีปฏิบัติการทำบุญในวันเข้าพรรษามาช้านานแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัย
สาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรง อนุญาตการจำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอด 3 เดือนแก่พระสงฆ์นั้น มีเหตุผลเพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเพื่อเผยแพร่ศาสนาไปตามสถานที่ ต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญพืชของชาวบ้านที่ปลูกลง แปลงในฤดูฝน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาจำพรรษาตลอด 3 เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาและโอกาสสำคัญในรอบปีที่พระสงฆ์จะได้มาอยู่จำพรรษารวมกันภายใน อาวาสหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ด้วย
ในวันเข้าพรรษาและช่วงฤดูพรรษากาลตลอดทั้ง 3 เดือน พุทธศาสนิกชนชาวไทยถือเป็นโอกาสอันดีที่จะบำเพ็ญกุศลด้วยการเข้าวัดทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา ซึ่งสิ่งที่พิเศษจากวันสำคัญอื่น ๆ คือ มีการถวายหลอดไฟหรือเทียนเข้าพรรษา และผ้าอาบน้ำฝน (ผ้าวัสสิกสาฏก) แก่พระสงฆ์ด้วย เพื่อสำหรับให้พระสงฆ์ได้ใช้สำหรับการอยู่จำพรรษา โดยในอดีต ชายไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชนเมื่ออายุครบบวช (20 ปี) จะนิยมถือบรรพชาอุปสมบทเป็น พระสงฆ์เพื่ออยู่จำพรรษาตลอดฤดูพรรษากาลทั้ง 3 เดือน โดยพุทธศาสนิกชนไทยจะเรียกการบรรพชาอุปสมบทเพื่อจำพรรษาตลอดพรรษากาลว่า "บวชเอาพรรษา"
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2551 รัฐบาลไทยได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็น "วันงดดื่มสุราแห่งชาติ" โดยในปีถัดมา ยังได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็นวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วราชอาณาจักร ทั้งนี้เพื่อรณรงค์ให้ชาวไทยตั้งสัจจะอธิษฐานงดการดื่มสุราในวันเข้าพรรษา และในช่วง 3 เดือนระหว่างฤดูเข้าพรรษา เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีให้แก่สังคมไทย

วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันอาสาฬหบูชา



วันอาสาฬหบูชา มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันพระธรรม" และ "วันพระสงฆ์" เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาประกาศพระธรรมจักร (ฟัง) เป็นครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ และเป็นวันที่บังเกิดมีพระสงฆ์ครบเป็นองค์พระรัตนตรัยครั้งแรกในโลก
วันอาสาฬหบูชา (บาลี: อาสาฬหปูชา; อังกฤษ: Asalha Puja) เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของชาวพุทธเถรวาทและวันหยุดราชการในประเทศไทย คำว่า อาสาฬหบูชา ย่อมาจาก "อาสาฬหปูรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ" อันเป็นเดือนที่สี่ตามปฏิทินของประเทศอินเดีย ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งมักจะตรงกับเดือนมิถุนายนหรือเดือนกรกฎาคม แต่ถ้าในปีใดมีเดือน 8 สองหน ก็ให้เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน 8 หลังแทน
วันอาสาฬหบูชาได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 45 ปี ก่อนพุทธศักราช ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 คือวันอาสาฬหปุรณมีดิถี หรือวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นมคธ อันเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรกเป็นปฐมเทศนา คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แก่ปัญจวัคคีย์
การแสดงธรรมครั้งนั้นทำให้พราหมณ์โกณฑัญญะ 1 ใน 5 ปัญจวัคคีย์ เกิดความเลื่อมใสในพระธรรมของพระพุทธเจ้า จนได้ดวงตาเห็นธรรมหรือบรรลุเป็นพระอริยบุคคลระดับโสดาบัน ท่านจึงขออุปสมบทในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา พระอัญญาโกณฑัญญะจึงกลายเป็นพระสงฆ์องค์แรกในโลก และด้วยเหตุที่ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคล (อนุพุทธะ) เป็นคนแรก จึงทำให้ในวันนั้นมีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วันนี้ถูกเรียกว่า "วันพระธรรม" หรือ วันพระธรรมจักร อันได้แก่วันที่ล้อแห่งพระธรรมของพระพุทธเจ้าได้หมุนไปเป็นครั้งแรก และ "วันพระสงฆ์" คือวันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก อีกด้วย
เดิมนั้นไม่มีการประกอบพิธีการบูชาในเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาในประเทศพุทธเถรวาทมาก่อน จนมาในปี พ.ศ. 2501 การบูชาในเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาจึงได้เริ่มมีขึ้นในประเทศไทย ตามที่คณะสังฆมนตรี ได้กำหนดให้วันนี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2501 โดยคณะสังฆมนตรีได้มีมติให้เพิ่มวันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาในประเทศไทย ตามคำแนะนำของ พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี) โดยคณะสังฆมนตรีได้ออกเป็นประกาศสำนักสังฆนายกเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 กำหนดให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาพร้อมทั้งกำหนดพิธี อาสาฬหบูชาขึ้นอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีพิธีปฏิบัติเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชาอันเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล
อย่างไรก็ตาม วันอาสาฬหบูชาถือเป็นวันสำคัญที่กำหนดให้กับวันหยุดของรัฐเพียงแต่ในประเทศ ไทยเท่านั้น ส่วนในต่างประเทศที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทอื่น ๆ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันอาสาฬหบูชาเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชา